7เทคนิคการออมเงินแบบฉบับมือโปรที่คุณต้องรู้!เพื่อมีเงินเก็บรวม1,000,000 บาท ใน 1 ปี

7เทคนิคการออมเงินแบบฉบับมือโปรที่คุณต้องรู้!เพื่อมีเงินเก็บรวม1,000,000 บาท ใน 1 ปี

7เทคนิคการออมเงินแบบฉบับมือโปรที่คุณต้องรู้!เพื่อมีเงินเก็บรวม1,000,000 บาท ใน 1 ปีนี้ เป็นบทความที่จะช่วยให้คุณรู้เทคนิคการออมเงินแบบที่คนสำเร็จเขาทำกัน

7เทคนิคการออมเงินแบบฉบับมือโปรที่คุณต้องรู้!เพื่อมีเงินเก็บรวม1,000,000 บาท ใน 1 ปี
7เทคนิคการออมเงินแบบฉบับมือโปรที่คุณต้องรู้!เพื่อมีเงินเก็บรวม1,000,000 บาท ใน 1 ปี

.

ปลดปล่อยพลังการออม!  เทคนิคการออมเงินแบบฉบับมือโปร  ที่คุณต้องรู้!

.

เบื่อไหมกับชีวิตที่วนเวียนอยู่กับความกังวลเรื่องเงิน?  เงินเดือนออกมาก็หมดไปกับค่าใช้จ่าย  ไม่มีเงินเก็บ  ไม่มีเงินลงทุน  รู้สึกเหมือนว่าจะไม่มีวันรวยสักที?  คุณไม่ใช่คนเดียว!  หลายคนกำลังเผชิญกับปัญหาเดียวกันนี้  แต่ข่าวดีก็คือ  มันแก้ไขได้!

.

บทความนี้จะเปิดเผยเทคนิคการออมเงินแบบฉบับมือโปร  ที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากคนไม่มีเงินเก็บ  กลายเป็นคนมีเงินเก็บอย่างมั่นคง  และก้าวไปสู่ความมั่งคั่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ!  เราจะไม่พูดถึงทฤษฎีที่น่าเบื่อ  แต่จะเน้นวิธีการปฏิบัติที่ได้ผลจริง  รับรองว่าอ่านจบแล้ว  คุณจะได้ไอเดียใหม่ๆ ที่นำไปใช้ได้ทันที!

.

ก่อนอื่น  มาทำความเข้าใจกับ “ศัตรูตัวฉกาจ” ของการออมเงินกันก่อน:  นั่นคือ  พฤติกรรมการใช้จ่ายที่ไร้สติ!  เราจะไม่พูดถึงการอดๆ อยากๆ  เพราะนั่นไม่ใช่การออมเงินอย่างยั่งยืน  แต่เราจะมาเรียนรู้วิธีการควบคุมการใช้จ่าย  และสร้างวินัยทางการเงิน  ด้วยเทคนิคเหล่านี้:

.

  1. รู้จักตัวเองก่อน: จดบันทึกรายรับรายจ่ายของคุณอย่างละเอียด  เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน  คุณจะพบว่าเงินของคุณหายไปกับอะไรบ้าง  และสามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปเรียนรู้เคล็ดลับเพิ่มเติมกันต่อเลยคะ

.

1)  สำรวจค่าใช้จ่ายของตัวเอง:

  • จดบันทึกรายรับรายจ่าย: ลองจดบันทึกทุกบาททุกสตางค์ที่เข้าและออกจากกระเป๋า เพื่อให้เห็นภาพรวมการใช้จ่ายของตัวเอง

.

  • แยกแยะความต้องการและความอยากได้: พิจารณาว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นในชีวิต และอะไรคือสิ่งที่เราอยากได้แต่ไม่จำเป็นต้องมี

.

2)  ตั้งเป้าหมายทางการเงิน:

  • กำหนดเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว: เช่น เก็บเงินดาวน์บ้านใน 5 ปี หรือมีเงินเก็บสำรองเผื่อฉุกเฉิน 6 เดือน

.

  • ทำให้เป้าหมายเป็นรูปธรรม: ระบุจำนวนเงินที่ต้องการ และระยะเวลาที่ต้องการให้สำเร็จ

.

3)  รู้จักนิสัยการใช้เงินของตัวเอง:

  • ระบุจุดอ่อน: เรามักจะใช้เงินไปกับอะไรมากเป็นพิเศษ? เช่น ซื้อของออนไลน์ ซื้อกาแฟทุกวัน หรือกินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ

.

  •    หาทางแก้ไข: เมื่อรู้จุดอ่อนแล้ว ก็ลองหาวิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น กำหนดงบประมาณสำหรับซื้อของออนไลน์ หรือทำกาแฟดื่มเองที่บ้าน

.

4)  วางแผนการออมเงิน:

  • กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการออม: อาจจะเริ่มจาก 10% ของรายได้ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อมีรายได้มากขึ้น

.

  • เลือกวิธีการออมที่เหมาะสม: เช่น ฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ ลงทุนในกองทุนรวม หรือซื้อพันธบัตรรัฐบาล

.

5)  ทบทวนและปรับปรุงแผน:

  • ติดตามผล: ตรวจสอบว่าเราทำตามแผนได้มากน้อยแค่ไหน มีอะไรที่ต้องปรับปรุงหรือไม่

.

  • ให้รางวัลตัวเอง: เมื่อทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ก็ให้รางวัลตัวเองบ้าง เพื่อเป็นกำลังใจให้ทำต่อไป

.

6)  เรียนรู้เรื่องการลงทุน:

  • ศึกษาหาความรู้: อ่านหนังสือ บทความ หรือเข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการลงทุน

.

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจว่าจะลงทุนอย่างไร ก็ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน

.

7)  สร้างวินัยทางการเงิน:

  • ทำตามแผนที่วางไว้: อดทน และอย่าท้อแท้หากมีอุปสรรค

.

  • ให้กำลังใจตัวเอง: จำไว้ว่าการออมเงินเป็นเรื่องระยะยาว ต้องใช้เวลาและความพยายาม

.

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

.

  • ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์: มีแอปพลิเคชั่นมากมายที่ช่วยในการจัดการการเงิน ลองเลือกใช้แอปที่เหมาะกับตัวเอง

.

  • หาแรงบันดาลใจ: อ่านเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จในการออมเงิน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เรา

.

  • อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น: ทุกคนมีสถานการณ์ทางการเงินที่แตกต่างกัน อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป

.

 

  1. ตั้งเป้าหมายการออมที่ SMART: เป้าหมายที่ชัดเจน  วัดผลได้  สามารถทำได้  มีความเกี่ยวข้อง  และมีกรอบเวลา  จะช่วยให้คุณมีแรงบันดาลใจและมุ่งมั่นในการออมเงินมากขึ้น!  เช่น  “ฉันจะออมเงิน 10,000 บาท ภายใน 3 เดือน  เพื่อซื้อจักรยาน” ไปเรียนรู้เคล็ดลับเพิ่มเติมกันต่อเลยค่ะ

.

การตั้งเป้าหมายการออมแบบ SMART เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้เป้าหมายของคุณชัดเจนและเป็นไปได้จริง มาดูเคล็ดลับในการตั้งเป้าหมายการออมที่ SMART กันค่ะ :

.

S – Specific (เฉพาะเจาะจง):

.

  • เป้าหมายของคุณต้องมีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ เช่น แทนที่จะบอกว่า “ฉันต้องการออมเงิน” ให้บอกว่า “ฉันต้องการออมเงิน 50,000 บาท”

.

  • ระบุสิ่งที่คุณต้องการออมเงินไปเพื่ออะไร เช่น “ฉันต้องการออมเงิน 50,000 บาทเพื่อดาวน์รถยนต์”

.

M – Measurable (วัดผลได้):

.

  • เป้าหมายของคุณต้องสามารถวัดผลได้ เพื่อให้คุณรู้ว่าคุณกำลังคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน

.

  • กำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น “ฉันจะออมเงิน 5,000 บาทต่อเดือน”

.

A – Achievable (ทำได้จริง):

.

  • เป้าหมายของคุณต้องมีความท้าทาย แต่ก็ต้องเป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้จริง

.

  • พิจารณารายได้ ค่าใช้จ่าย และภาระผูกพันทางการเงินอื่นๆ ของคุณ

.

  • อย่าตั้งเป้าหมายที่สูงเกินไปจนทำให้คุณรู้สึกท้อแท้

.

R – Relevant (เกี่ยวข้อง):

.

  • เป้าหมายของคุณต้องสอดคล้องกับความต้องการและค่านิยมของคุณ

.

  • ถามตัวเองว่าเป้าหมายนี้มีความสำคัญต่อคุณอย่างไร และจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายอื่นๆ ในชีวิตได้อย่างไร

.

T – Time-bound (มีกรอบเวลา):

.

  • เป้าหมายของคุณต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจน

.

  • กำหนดวันที่คุณต้องการที่จะบรรลุเป้าหมาย เช่น “ฉันจะออมเงิน 50,000 บาทภายใน 10 เดือน”

.

ตัวอย่างเป้าหมายการออมแบบ SMART:

.

“ฉันจะออมเงิน 50,000 บาทเพื่อดาวน์รถยนต์ภายใน 10 เดือน โดยออมเงิน 5,000 บาทต่อเดือน”

.

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

.

  • เขียนเป้าหมายของคุณลงไป: การเขียนเป้าหมายจะช่วยให้คุณมีความมุ่งมั่นมากขึ้น

.

  • แบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายย่อยๆ: การแบ่งเป้าหมายจะช่วยให้คุณรู้สึกว่าเป้าหมายนั้นไม่ยากจนเกินไป

.

  • ติดตามความคืบหน้าของคุณ: ติดตามความคืบหน้าของคุณเป็นประจำ และปรับปรุงแผนการออมของคุณหากจำเป็น

.

  • ให้รางวัลตัวเองเมื่อคุณบรรลุเป้าหมาย: การให้รางวัลตัวเองจะช่วยให้คุณมีกำลังใจในการออมเงินต่อไป

.

  1. ใช้แอปพลิเคชันช่วยจัดการการเงิน: ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยจัดการการเงินของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ลองเลือกแอปที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณดูนะคะ  มันจะช่วยให้คุณติดตามรายรับรายจ่าย  และวางแผนการออมได้ง่ายขึ้น ไปเรียนรู้เคล็ดลับเพิ่มเติมกันต่อเลยค่ะ

.

การใช้แอปพลิเคชันจัดการการเงินเป็นวิธีที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการควบคุมการเงินส่วนบุคคล แอดมินมีเคล็ดลับในการใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดมาฝากค่ะ:

.

1) เลือกแอปพลิเคชันที่เหมาะสมกับความต้องการ:

.

  • ฟีเจอร์: พิจารณาว่าคุณต้องการฟีเจอร์อะไรบ้าง เช่น บันทึกรายรับรายจ่าย, วางแผนงบประมาณ, ติดตามหนี้สิน, วางแผนการลงทุน

.

  • ความง่ายในการใช้งาน: เลือกแอปพลิเคชันที่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและเข้าใจได้

.

  • ความปลอดภัย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปพลิเคชันมีความปลอดภัยและมีการรักษาข้อมูลส่วนตัวของคุณอย่างดี

.

  • รีวิว: อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ

.

2) ตั้งค่าแอปพลิเคชันให้ถูกต้อง:

.

  • เชื่อมต่อบัญชีธนาคารและบัตรเครดิต (ถ้ามี): การเชื่อมต่อบัญชีจะช่วยให้แอปพลิเคชันสามารถบันทึกรายการทางการเงินของคุณโดยอัตโนมัติ

.

  • ตั้งงบประมาณ: กำหนดงบประมาณสำหรับแต่ละหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย เช่น ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, ค่าบันเทิง

.

  • ตั้งเป้าหมายทางการเงิน: กำหนดเป้าหมายการออมและการลงทุน

.

3) บันทึกรายการทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ:

.

  • บันทึกรายรับรายจ่ายทันที: บันทึกรายการทางการเงินทันทีที่เกิดขึ้น เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องและครบถ้วน

.

  • ตรวจสอบรายการเป็นประจำ: ตรวจสอบรายการทางการเงินเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาด

.

4) วิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงแผนการเงิน:

.

  • ใช้รายงานและกราฟ: ใช้รายงานและกราฟที่แอปพลิเคชันสร้างขึ้น เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายของคุณ

.

  • ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง: ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง เช่น ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น, หนี้สินที่ต้องจัดการ

.

  • ปรับปรุงแผนการเงิน: ปรับปรุงแผนการเงินของคุณตามข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์

.

5) ใช้ฟีเจอร์อื่นๆ ของแอปพลิเคชัน:

.

  • การแจ้งเตือน: ตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อคุณใช้จ่ายเกินงบประมาณ

.

  • การวางแผนการลงทุน: ใช้ฟีเจอร์การวางแผนการลงทุนเพื่อวางแผนการลงทุนของคุณ

.

  • การจัดการหนี้สิน: ใช้ฟีเจอร์การจัดการหนี้สินเพื่อจัดการหนี้สินของคุณ

.

6) เรียนรู้การใช้งานแอปพลิเคชันอย่างเต็มที่:

.

  • อ่านคู่มือ: อ่านคู่มือการใช้งานแอปพลิเคชันอย่างละเอียด

.

  • ดูวิดีโอสอน: ดูวิดีโอสอนการใช้งานแอปพลิเคชัน

.

  • ติดต่อฝ่ายสนับสนุน: ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของแอปพลิเคชันหากมีข้อสงสัย

.

7) รักษาความปลอดภัยของข้อมูล:

.

  • ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง: ตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก

.

  • เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น: เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

.

  • ระมัดระวังการใช้งานบน Wi-Fi สาธารณะ: ระมัดระวังการใช้งานแอปพลิเคชันบน Wi-Fi สาธารณะที่ไม่ปลอดภัย

.

แอปพลิเคชันแนะนำ:

.

  • Money Manager: แอปพลิเคชันยอดนิยมที่มีฟีเจอร์ครบครันและใช้งานง่าย

.

  • Piggipo: แอปพลิเคชันที่ช่วยในการจัดการบัตรเครดิต

.

  • Make by KBank: แอปพลิเคชันจากธนาคารกสิกรไทยที่ช่วยในการจัดการเงินและตั้งเป้าหมายการออม

.

  1. ใช้กฎ 50/30/20 Rule: กฎเหล็กที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญการเงินแนะนำ  แบ่งรายได้ของคุณเป็น 3 ส่วน: 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น, 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว, และ 20% สำหรับการออมและการลงทุน  ลองใช้ดูสิคะ  คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าทึ่ง! ไปเรียนรู้เคล็ดลับเพิ่มเติมกันต่อเลยคะ

.

การออมเงินด้วยกฎ 50/30/20 เป็นวิธีที่ง่ายและยืดหยุ่นในการจัดสรรเงินของคุณค่ะ มาดูเคล็ดลับในการนำกฎนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกันค่ะ:

.

เข้าใจกฎ 50/30/20:

.

  • 50% – ความจำเป็น (Needs): ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ค่าเช่าบ้าน/ผ่อนบ้าน, ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, ค่าน้ำค่าไฟ, ค่ารักษาพยาบาล

.

  • 30% – ความต้องการส่วนตัว (Wants): สิ่งที่คุณอยากได้แต่ไม่จำเป็น เช่น กินข้าวนอกบ้าน, ช้อปปิ้ง, ดูหนัง, ท่องเที่ยว

.

  • 20% – เงินออมและการชำระหนี้ (Savings & Debt Repayment): เงินที่นำไปออมเพื่ออนาคต ลงทุน หรือชำระหนี้สินต่างๆ

.

เคล็ดลับในการนำกฎ 50/30/20 ไปใช้:

.

1)  คำนวณรายได้หลังหักภาษี: เริ่มต้นด้วยการคำนวณรายได้ที่แท้จริงของคุณหลังจากหักภาษีและประกันสังคม

.

2)  ติดตามค่าใช้จ่าย: จดบันทึกค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคุณเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน เพื่อให้คุณรู้ว่าเงินของคุณไปอยู่ที่ไหน

.

3)  จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย: จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายของคุณตามกฎ 50/30/20

.

4)  ปรับงบประมาณ: หากพบว่าคุณใช้จ่ายในหมวดใดหมวดหนึ่งมากเกินไป ให้ปรับงบประมาณของคุณ

.

5)  ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น: มองหาวิธีลดค่าใช้จ่ายในหมวด “ความต้องการส่วนตัว” เช่น ทำอาหารทานเอง, ลดการช้อปปิ้ง, หาความบันเทิงราคาถูก

.

6)  เพิ่มเงินออม: พยายามเพิ่มสัดส่วนเงินออมของคุณให้มากขึ้น เช่น โดยการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือหารายได้เสริม

.

7)  ตั้งเป้าหมายการออม: กำหนดเป้าหมายการออมที่ชัดเจน เช่น ออมเงินเพื่อดาวน์บ้าน, ออมเงินเพื่อเกษียณ

.

8)  ชำระหนี้สิน: หากคุณมีหนี้สิน ให้ใช้เงินในส่วนของ “เงินออมและการชำระหนี้” เพื่อชำระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน

.

9)  ใช้แอปพลิเคชันช่วย: ใช้แอปพลิเคชันจัดการการเงินเพื่อช่วยในการติดตามค่าใช้จ่ายและจัดสรรงบประมาณ

.

10) ยืดหยุ่น: กฎ 50/30/20 เป็นเพียงแนวทาง คุณสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณ

.

ตัวอย่างการปรับใช้กฎ 50/30/20:

.

สมมติว่าคุณมีรายได้หลังหักภาษี 30,000 บาทต่อเดือน:

.

  • ความจำเป็น (50%): 15,000 บาท
  • ความต้องการส่วนตัว (30%): 9,000 บาท
  • เงินออมและการชำระหนี้ (20%): 6,000 บาท

.

หากคุณต้องการเพิ่มเงินออม คุณอาจลดค่าใช้จ่ายในหมวด “ความต้องการส่วนตัว” ลง 2,000 บาท แล้วนำเงินส่วนนั้นไปเพิ่มในหมวด “เงินออมและการชำระหนี้”

.

ข้อดีของกฎ 50/30/20:

.

  • ง่ายต่อการเข้าใจและนำไปใช้
  • ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
  • ช่วยให้คุณจัดสรรเงินได้อย่างสมดุล
  • ช่วยให้คุณออมเงินและชำระหนี้สินได้

.

  1. หาแหล่งรายได้เสริม: อย่าพึ่งพารายได้หลักเพียงอย่างเดียว  การหารายได้เสริมจะช่วยเพิ่มเงินเก็บของคุณได้อย่างรวดเร็ว  ลองคิดดูสิคะว่าคุณมีความสามารถอะไรที่สามารถสร้างรายได้ได้บ้าง? ไปเรียนรู้เคล็ดลับเพิ่มเติมกันต่อเลยค่ะ

.

การมีรายได้เสริมเป็นเรื่องที่ดีมากเลยค่ะ ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินและเปิดโอกาสให้เราทำตามเป้าหมายได้เร็วขึ้น แอดมินมีเคล็ดลับในการหาแหล่งรายได้เสริมมาฝากค่ะ:

.

1) ประเมินทักษะและความสนใจของตนเอง:

.

  • อะไรคือสิ่งที่คุณทำได้ดี? ลองลิสต์ทักษะและความสามารถของคุณออกมา

.

  • อะไรคือสิ่งที่คุณสนใจ? เลือกงานเสริมที่คุณจะสนุกและมีความสุขกับมัน

.

2) เปลี่ยนทักษะและความสนใจให้เป็นรายได้:

.

  • งานฟรีแลนซ์: ลองมองหางานฟรีแลนซ์ที่ตรงกับทักษะของคุณ เช่น งานเขียน, งานออกแบบ, งานแปลภาษา, งานตัดต่อวิดีโอ

.

  • ขายสินค้าออนไลน์: ขายสินค้าที่คุณทำเอง หรือสินค้าที่คุณซื้อมาขายต่อ

.

  • สอนพิเศษ: สอนพิเศษในวิชาที่คุณถนัด

.

  • ขับรถรับส่ง: หากคุณมีรถยนต์ส่วนตัว ลองขับรถรับส่งผู้โดยสาร

.

  • เป็น Influencer: สร้างคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียและหารายได้จากการโฆษณา

.

 

3) มองหาโอกาสจากสิ่งที่มีอยู่:

.

  • ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์: หากคุณมีห้องว่างหรือบ้านที่ไม่ได้ใช้งาน ลองปล่อยเช่า

.

  • ขายของมือสอง: รวบรวมของใช้ที่ไม่จำเป็นแล้วนำไปขาย

.

  • รับจ้างทำงานบ้าน: หากคุณมีเวลาว่าง ลองรับจ้างทำงานบ้าน

.

4) ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี:

.

  • แอปพลิเคชันหารายได้: มีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยให้คุณหารายได้เสริมได้ เช่น แอปสำรวจความคิดเห็น, แอปเล่นเกม, แอปดูวิดีโอ

.

  • เว็บไซต์หางาน: เว็บไซต์หางานเป็นแหล่งรวมงานฟรีแลนซ์และงานพาร์ทไทม์มากมาย

.

5) สร้างเครือข่าย:

.

  • บอกเพื่อนและคนรู้จัก: บอกเพื่อนและคนรู้จักว่าคุณกำลังมองหางานเสริม เผื่อพวกเขาจะมีงานแนะนำ

.

  • เข้าร่วมกลุ่มออนไลน์: เข้าร่วมกลุ่มออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับงานที่คุณสนใจ

.

6) พัฒนาทักษะเพิ่มเติม:

.

  • เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ: การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการหารายได้เสริม

.

  • ฝึกฝนทักษะที่มีอยู่: การฝึกฝนทักษะที่มีอยู่จะช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้นและได้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น

.

7) บริหารเวลาให้ดี:

.

  • จัดตารางเวลา: จัดตารางเวลาให้ชัดเจน เพื่อให้คุณมีเวลาทำงานประจำและทำงานเสริม

.

  • จัดลำดับความสำคัญ: จัดลำดับความสำคัญของงาน เพื่อให้คุณทำงานที่สำคัญที่สุดก่อน

.

8) ระวังมิจฉาชีพ:

.

  • ตรวจสอบข้อมูล: ตรวจสอบข้อมูลของบริษัทหรือบุคคลที่คุณจะร่วมงานด้วย

.

  • อย่าจ่ายเงินล่วงหน้า: อย่าจ่ายเงินล่วงหน้าให้กับใครก็ตามที่คุณไม่รู้จัก

.

9) อย่าละเลยงานประจำ:

.

  • ทำงานประจำให้ดีที่สุด: อย่าให้งานเสริมส่งผลกระทบต่องานประจำของคุณ

.

  • รักษาสุขภาพ: พักผ่อนให้เพียงพอและรักษาสุขภาพให้แข็งแรง

.

แหล่งรายได้เสริมที่น่าสนใจ:

 

  • Affiliate Marketing: โปรโมทสินค้าหรือบริการของผู้อื่นและรับค่าคอมมิชชั่น

.

  • Dropshipping: ขายสินค้าโดยไม่ต้องสต็อกสินค้าเอง

.

  • สร้างคอร์สออนไลน์: สร้างคอร์สออนไลน์สอนในสิ่งที่คนอื่นอยากเรียนรู้

.

  1. สร้างวินัยในการออม: การออมเงินไม่ใช่เรื่องง่าย  ต้องใช้ความอดทนและวินัย  ลองเริ่มต้นด้วยการออมเล็กๆ น้อยๆ ก่อน  แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนเงินขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อคุณเห็นผลลัพธ์ที่ดี  คุณจะมีแรงบันดาลใจในการออมมากขึ้น ไปเรียนรู้เคล็ดลับเพิ่มเติมกันต่อเลยค่ะ

.

การสร้างวินัยในการออมเป็นหัวใจสำคัญของการบรรลุเป้าหมายทางการเงินเลยค่ะ แอดมินมีเคล็ดลับที่จะช่วยให้นายท่านสร้างวินัยในการออมได้อย่างยั่งยืนมาฝากค่ะ:

.

1) ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและจับต้องได้:

.

  • กำหนดเป้าหมาย: ระบุเป้าหมายการออมที่ชัดเจน เช่น ออมเงินเพื่อซื้อบ้าน, ออมเงินเพื่อเกษียณ, ออมเงินเพื่อท่องเที่ยว

.

  • กำหนดจำนวนเงิน: กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการออมในแต่ละเดือน

.

  • กำหนดระยะเวลา: กำหนดระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมาย

.

2) วางแผนการออมอย่างละเอียด:

.

  • จัดทำงบประมาณ: จัดทำงบประมาณรายรับรายจ่าย เพื่อให้รู้ว่ามีเงินเหลือเท่าไหร่ที่จะนำไปออมได้

.

  • กำหนดวิธีการออม: เลือกวิธีการออมที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้ เช่น ฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์, ซื้อกองทุนรวม, ลงทุนในหุ้น

.

  • กำหนดวันที่จะออม: กำหนดวันที่แน่นอนที่จะออมเงินในแต่ละเดือน และทำตามแผนอย่างเคร่งครัด

.

3) ทำให้การออมเป็นเรื่องอัตโนมัติ:

.

  • หักบัญชีอัตโนมัติ: ตั้งค่าให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินเดือนเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีลงทุนโดยอัตโนมัติ

.

  • ตั้งค่าการโอนเงินอัตโนมัติ: ตั้งค่าให้โอนเงินจากบัญชีหลักไปยังบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีลงทุนเป็นประจำ

.

4) ติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ:

.

  • ตรวจสอบบัญชี: ตรวจสอบบัญชีออมทรัพย์และบัญชีลงทุนเป็นประจำ เพื่อดูว่าเงินออมของคุณเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน

.

  • ปรับปรุงแผน: ปรับปรุงแผนการออมของคุณหากจำเป็น เช่น หากรายได้เพิ่มขึ้น ก็ให้เพิ่มจำนวนเงินที่ออม

.

5) ให้รางวัลตัวเองเมื่อทำตามเป้าหมายได้:

 

  • ให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ: เมื่อทำตามเป้าหมายการออมได้สำเร็จ ให้รางวัลตัวเองเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นกำลังใจ

.

  • อย่าใช้จ่ายเกินตัว: อย่าให้รางวัลส่งผลกระทบต่อแผนการออมของคุณ

.

6) สร้างแรงจูงใจ:

.

  • นึกถึงเป้าหมาย: นึกถึงเป้าหมายที่คุณต้องการบรรลุจากการออมเงิน

.

  • หาแรงบันดาลใจ: อ่านเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จในการออมเงิน

.

7) หลีกเลี่ยงสิ่งล่อใจ:

.

  • ตัดบัตรเครดิต: หากคุณใช้จ่ายเงินเกินตัวด้วยบัตรเครดิต ให้พิจารณาตัดบัตรเครดิต

.

  • หลีกเลี่ยงการช้อปปิ้งออนไลน์: หากคุณซื้อของออนไลน์มากเกินไป ให้พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์

.

8) หาเพื่อนร่วมออม:

.

  • ชวนเพื่อนหรือคนในครอบครัวมาออมเงินด้วยกัน: การมีเพื่อนร่วมออมจะช่วยให้คุณมีกำลังใจและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

.

9) เรียนรู้เรื่องการเงิน:

.

  • อ่านหนังสือหรือบทความเกี่ยวกับการเงิน: การเรียนรู้เรื่องการเงินจะช่วยให้คุณมีความรู้ความเข้าใจในการจัดการเงินมากขึ้น

.

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน

.

10) อดทนและมีวินัย:

.

  • อย่าท้อแท้: การสร้างวินัยในการออมต้องใช้เวลาและความพยายาม อย่าท้อแท้หากมีอุปสรรค

.

  • ทำอย่างสม่ำเสมอ: ทำตามแผนการออมอย่างสม่ำเสมอ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

.

  1. อย่าลืมรางวัลเล็กๆ น้อยๆ: เมื่อคุณบรรลุเป้าหมายการออม  อย่าลืมให้รางวัลตัวเองบ้าง  เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจ  และทำให้การออมเงินเป็นเรื่องสนุก! ไปเรียนรู้เคล็ดลับเพิ่มเติมกันต่อเลยค่ะ

.

การให้รางวัลตัวเองเมื่อทำตามเป้าหมายการออมได้ เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างแรงจูงใจและรักษาวินัยในการออมค่ะ แอดมินมีเคล็ดลับในการให้รางวัลตัวเองอย่างชาญฉลาดมาฝากค่ะ:

.

1) กำหนดรางวัลที่เหมาะสม:

.

  • สอดคล้องกับเป้าหมาย: รางวัลควรสอดคล้องกับเป้าหมายการออมของคุณ เช่น หากคุณออมเงินเพื่อซื้อบ้าน รางวัลอาจเป็นของตกแต่งบ้านชิ้นเล็กๆ

.

  • ไม่กระทบต่อการออม: รางวัลไม่ควรมีราคาแพงจนเกินไปจนกระทบต่อเงินออมของคุณ

.

  • สร้างความสุข: รางวัลควรเป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขและผ่อนคลาย

.

2) กำหนดความถี่ในการให้รางวัล:

.

  • ระยะสั้น: ให้รางวัลเมื่อทำตามเป้าหมายระยะสั้นได้สำเร็จ เช่น ออมเงินได้ตามเป้าหมายรายเดือน

.

  • ระยะยาว: ให้รางวัลเมื่อทำตามเป้าหมายระยะยาวได้สำเร็จ เช่น ออมเงินได้ตามเป้าหมายรายปี

.

3) ตัวอย่างรางวัลเล็กๆ น้อยๆ:

.

  • ดูหนัง: ไปดูหนังเรื่องใหม่ที่คุณอยากดู

.

  • กินอาหารอร่อย: ไปกินอาหารที่ร้านโปรดของคุณ

.

  • ซื้อของที่อยากได้: ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณอยากได้มานาน

.

  • ทำกิจกรรมที่ชอบ: ทำกิจกรรมที่คุณชอบ เช่น อ่านหนังสือ, ฟังเพลง, ออกกำลังกาย

.

  • พักผ่อน: ไปพักผ่อนในสถานที่ที่คุณชอบ

.

4) เคล็ดลับเพิ่มเติมในการให้รางวัล:

.

  • กำหนดงบประมาณ: กำหนดงบประมาณสำหรับรางวัลแต่ละครั้ง

.

  • ให้รางวัลที่ไม่ใช่เงิน: ลองหารางวัลที่ไม่ใช่เงิน เช่น การไปเที่ยว, การทำกิจกรรม

.

  • ให้รางวัลที่ช่วยพัฒนาตัวเอง: ลองหารางวัลที่ช่วยพัฒนาตัวเอง เช่น การเข้าคอร์สเรียน, การซื้อหนังสือ

.

  • ให้รางวัลที่แบ่งปันความสุข: ลองหารางวัลที่สามารถแบ่งปันความสุขให้กับคนอื่นได้ เช่น การเลี้ยงอาหารเพื่อน, การบริจาคเงิน

.

5) สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการให้รางวัล:

.

  • รางวัลที่แพงเกินไป: รางวัลที่แพงเกินไปจะทำให้คุณใช้จ่ายเงินเกินตัวและกระทบต่อแผนการออมของคุณ

.

  • รางวัลที่ไม่ดีต่อสุขภาพ: รางวัลที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น การกินอาหารขยะ, การสูบบุหรี่

.

  • รางวัลที่ทำให้คุณติด: รางวัลที่ทำให้คุณติด เช่น การพนัน, การช้อปปิ้ง

.

เป็นไงกันบ้างสำหรับ 7เคล็ดลับการออมเงินแบบมือโปรฯ ที่เพิ่งเรียนรู้ไป

.

อย่ารอช้า!  เริ่มต้นการออมเงินวันนี้  เพื่ออนาคตที่มั่งคั่งของคุณ!

.

คุณมีเทคนิคการออมเงินแบบไหน?  มาแชร์ประสบการณ์และเคล็ดลับของคุณกันได้เลยค่ะ!  อย่าลืมกดไลค์  แชร์  และแสดงความคิดเห็น  เพื่อร่วมสร้างแรงบันดาลใจในการออมเงินให้กับคนอื่นๆ  และสร้างสังคมแห่งความมั่งคั่งไปด้วยกัน!

ใส่ความเห็น

error: Content is protected !!